ENG (SAMAN)

LISTENING & SPEAKING PART

LISTENING & SPEAKING PART สำหรับวิชาสามัญภาษาอังกฤษ มีข้อสอบทั้งหมด 20 ข้อ ซึ่งคิดเป็น 25% ของข้อสอบทั้งหมด ในส่วนของ PART นี้ นักเรียนจะไม่ได้พูดจริงๆหรือฟังจริงๆ แต่ข้อสอบจะวัดทักษะและความสามารถของพวกเราผ่านการทำข้อสอบที่เรียกว่า DIALOGUE ประเภทของ DIALOGUE อย่างแรกเลย ข้อสอบจะเน้นการถามเรื่อง MOOD และ TONE  2. เรื่องของคำ การแปลต่างๆ น้องๆต้องแปลให้ถูกต้องและเหมาะสมตามบริบท  3. ในส่วนของการทำ CONVERSATIONS ก็คือในส่วนของการที่ต้องดู IDIOMS (สำนวน) ด้วย ซึ่งน้องๆต้องอ่านให้เข้าใจในภาพรวม หลังๆมานี้ข้อสอบ IDIOMS ออกเยอะกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตามการทำข้อสอบ PART นี้ น้องๆไม่ควรเสียคะแนนไปแม้แต่คะแนนเดียว

ENG (SAMAN)

READING PART

ในส่วนของ READING ข้อสอบมีจำนวนทั้งหมดถึง 40 ข้อ ซึ่งคิดเป็น 50%ของข้อสอบทั้งหมด ตามโครงสร้างประกอบไปด้วย 5 PARTS ด้วยกัน

PART 1 เป็นข้อสอบประเภท AD หรือ การโฆษณา ข้อสอบอาจจะมีภาพและมีคำถามมาให้

PART 2 เป็นข้อสอบประเภท POEM

PART 3 เป็นข้อสอบประเภท JOKE จุดสำคัญของเรื่องจะอยู่ที่ TURNING POINTS คือจุดเปลี่ยน ซึ่งจุดเปลี่ยนนั่นแหละ    คือ MAIN ของเรื่อง นอกจากนี้ข้อสอบยังมีออกในส่วนของ MOVIE REVIEW ซึ่งการใช้คำศัพท์อาจจะยากนิดนึงและมีการวิจารณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีส่วนสรุปใจความ สรุปเรื่องย่อของหนังให้น้องๆอ่านด้วย

PART 4 เป็นข้อสอบประเภท NEWS เป็นข่าว ซึ่งข้อสอบจะหยิบยกมาจาก BBC และ CNN บ้าง คำถามในส่วนนี้จะ
ประกอบไปด้วย 5 ข้อ ด้วยกัน นอกจากข่าวแล้ว ข้อสอบยังออกในส่วนของ EDITORIAL ซึ่งเป็นเรื่องราวของบท  บรรณาธิการ มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ และมีการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียนด้วย ซึ่งคำถาม  ประเภทนี้มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกับสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน และโรคระบาด  ซึ่งข้อสอบมีประมาณ 7 ข้อ ด้วยกัน

PART 5 เป็นข้อสอบประเภท ARTICLE ซึ่งมีคำถามประมาณ 8 ข้อ ข้อสอบเป็นเรื่องราวต่างๆโดยทั่วไป โดยมากจะเป็น เรื่องราวทางด้านการค้า เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง

ENG (SAMAN)

WRITING PART

ในส่วนของ PART นี้ มีทั้งหมด 25% ของข้อสอบทั้งหมด นั่นก็คือ ข้อสอบออก 20 ข้อ จากทั้งหมด 80 ข้อ ซึ่ง

PART WRITING มี 3 โครงสร้างหลักๆ

PART 1 เป็นลักษณะของ LETTER WRITING ซึ่งเป็นการเขียนจดหมาย ข้อสอบจะให้จดหมายมา 2 ฉบับ ซึ่งฉบับ   แรกจะเป็นจดหมายที่ผู้เขียนเขียนเพื่อไปขอคำแนะนำ 1 ชุด ซึ่งใน 1 ฉบับนั้นก็จะมี 1 PARAGRAPH   เท่านั้นและใน 1 PARAGRAPH ก็จะมีช่องว่าง (blank) ให้เติมไว้ 5 ข้อ) และจดหมายฉบับที่ 2 ก็จะเป็น    จดหมายตอบกลับซึ่งมีอีก 1 PARAGRAPH  พร้อมคำถามอีก 5 ข้อ เช่นกัน ข้อสอบ PART LETTER
WRITING จะเป็นการวัดทักษะในเชิงต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่อง GRAMMAR, SENTENCE STRUCTURE, VOCABULARY, WORD ORDERING  รวมไปถึงการเลือกใช้ประโยคที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องหรือตาม   บริบทอย่างแท้จริง

PART 2 จะเป็นในส่วนของ PARAGRAPH COMPLETION ซึ่งใน PART นี้ จะเป็นเรื่องราวหัวข้อทั่วไป แต่ก็จะให้  เติมคำลงในช่องว่าง5ข้อเหมือนกันและจะต้องเลือกคำตอบที่อาจจะเป็นหัวข้อทั้งในแง่ที่ข้อสอบเป็น  GRAMMAR, WORD ORDERING, SENTENCE STRUCTURE, VOCABULARY

PART 3 เป็นลักษณะ PARAGRAPH ORGANIZATION  ซึ่งโจทย์จะให้ประโยคมาเป็น A B C D E แล้วคำตอบเค้า  จะให้เราเรียงว่าประโยคไหนขึ้นก่อน เรียงหลัง ซึ่งตรงนี้ ENG FOR THAI จะมีเทคนิคและทริคพิเศษที่จะ สามารถให้น้องๆทำ ข้อสอบใน PARTนี้ให้ไวขึ้นและสามารถ Recheck ได้ด้วยว่าถูกต้องแน่นอนหรือเปล่า  และอย่างง่ายดายด้วย ถึงแม้ว่า WRITING PART เป็นข้อสอบลักษณะที่ไม่ได้เขียนจริงๆ แต่น้องๆต้องใช้ทักษะต่างๆในการเขียนแทนซึ่ง หลักๆเลยก็คือ ความสารถในเชิงของ SENTENCE STRUCTURE, PART OF SPEECH ไม่ว่าจะเป็น NOUN, VERB,   ADJECTIVE, ADVERB, RELATIVE PRONOUN ,PRONOUN, SUBJECT VERB AGREEMENT เรื่องนี้ก็ออกเรื่อยๆ และ    CONJUNCTION เป็นเรื่องที่ออกบ่อยมากซึ่ง CONJUNCTION จะมีประโยชน์ในส่วนของ PARAGRAPH ORGANIZTION
สูงมากด้วยซึ่งมันจะทำให้เราพอจะเดาคำศัพท์ได้และจะเดาได้ด้วยว่ามันควรเรียงประโยคอย่างไร ทั้งหมดทั้งมวลตรงนี้ ถ้าน้องๆมีทักษะด้านนี้แน่นมากเท่าไหร่ เราก็จะทำข้อสอบได้ดีมากขึ้นเท่านั้น